สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเวทีแจงยิบ ปลูกกัญชา กัญชง เช่นไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย ย้ำ พร้อมให้คำแนะนำทุกขั้นตอน ช่วงวันที่ 6 มี.ค. ที่ สนามช้าง ระหว่างชาติ เซอร์กิต จังหวัดจังหวัดบุรีรัมย์ ในงาน “มหกรรมกัญชา กัญชง 360 องศา เพื่อราษฎร” เภสัชกรสัญชัย จันทร์โต กองควบคุมวัตถุเสพติด อย.(สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กล่าวบนเวทีประชุมสัมมนาในประเด็น “การดูแลดูแลรวมทั้งการนำกัญชากัญชงไปใช้ประโยชน์ภายใต้ข้อบังคับใหม่” เภสัชกรสัญชัย บอกว่า การส่งข้อมูลสำคัญสำหรับเพื่อการขอปลูกพืชกัญชาเป็น การรวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชน กรรมวิธีตระเตรียมสถานที่ แล้วก็การขอปลูกอย่างแม่นยำโดยชอบด้วยกฎหมาย ภายใต้ข้อบังคับพ.ร.บ.สารเสพติดให้โทษ(พรบ.) ฉบับที่ 7 พุทธศักราช2562 ระบุชัดเจนว่าต้องอยู่สำหรับการควบคุมของเมือง โดยหน่วยย่อยที่สุดสำหรับการขอร่วมปลูกได้เป็นวิสาหกิจชุมชน ซึ่งในความหมายเป็น การรวมตัวกันของประชากรมากยิ่งกว่า 7 คนขึ้นไปที่ปลูกพืชจำพวกอื่นๆอยู่แล้วรวมทั้งได้รับใบอนุมัติเป็นวิสาหกิจชุมชน ต่อจากนั้นนำใบอนุมัติไปขึ้นบัญชีปลูกกัญชาเพิ่มกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยด้านกฎหมายวิสาหกิจชุมชนจำต้องปลูกร่วมกับโรงหมอช่วยเหลือสุขภาพตำบล(โรงพยาบาลสต.) โดยมีผู้อำนวยการโรงพยาบาลสต. ร่วมกับประธานวิสาหกิจชุมชนถือเอกสารสิทธิ์คู่กัน “กำเนิดเป็นความรับผิดชอบด้วยกันของทั้งสองฝ่าย ดังนี้ เพื่อความสบายให้กับสามัญชนการขอสามารถติดต่อถึงที่กะไว้ที่ทำการสาธารณสุขจังหวัด(สสจังหวัด) หรือติดต่อโดยตรงที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อรับคำชี้แนะเสริมเติมได้อย่างมาก อย่างไรก็แล้วแต่ ช่อดอก ใบรองดอกรวมทั้งเม็ดกัญชา ยังเป็นสิ่งเสพติดอยู่ ด้วยเหตุนี้ จะต้องปลูกจากเมล็ดพันธุ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งขอรับเมล็ดพันธุ์ได้จากเขตสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ในจังหวัดของตน” เภสัชกรสัญชัย กล่าว เภสัชกรสัญชัย บอกว่า การปลูกกัญชา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มิได้บังคับว่าจะปลูกจากเม็ดหรือต้นอ่อน แต่ว่าข้อเสนอแนะเป็น ควรจะปลูกจากต้นเพศภรรยาซึ่งมีช่อดอก ซึ่งอยู่ในสารเสพติดให้โทษ โดยจะต้องนำส่งให้ โรงพยาบาลสต. คู่สัญญาเพื่อผลิตเป็นยาใช้ภายนอกงการหมอ ด้วยเหตุนั้น การปลูกจากเม็ดราวกับเป็นการลุ้นสลากกินแบ่ง ซึ่งไม่รู้จักว่าโตมาแล้วจะเป็นเพศอะไร ด้วยเหตุผลดังกล่าวการปลูกจากต้นกล้าอ่อนจะดีมากยิ่งกว่า ซึ่งกัญชา 1 ต้น จะให้ช่อดอกสดน้อยที่สุดราวๆ 0.5 กก.(กรัมกรัม) คิดเป็นโลแห้ง 0.12 กรัมกรัม ส่วนใบสด กิ่ง ก้าน รวมราว 2 กรัมกรัม โดยเหตุนี้ถ้าปลูก 6 ต้น ก็จะได้ช่อดอกสด 6 กรัมกรัม ช่อดอกแห้ง 0.6 กรัมกรัม ซึ่งในตอนนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ปลดล็อกส่วนของพืชกัญชาทุกส่วน ละเว้นช่อดอก ใบรองดอก รวมทั้งเม็ด ออกมาจากการเป็นสารเสพติดให้โทษแล้ว โดยเหตุนี้ รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนและจำเป็นที่จะต้องไปดูว่าพวกเราจะนำส่วนที่ปลดล็อกไปทำอะไร ส่วนช่อดอกแล้วก็เม็ดกัญชา ที่ยังเป็นสารเสพติดให้โทษ ควรต้องมอบให้กับโรงพยาบาลสต.คู่สัญญา เภสัชกรสัญชัย บอกว่า ถัดมาเป็นส่วนของการปลูก กัญชา จำเป็นจะต้องกำหนดแบบแปลน พิกัดภูมิศาสตร์ที่กระจ่างแจ้ง เพื่อการวิเคราะห์ของข้าราชการภายใต้อำนาจบังคับโดยชอบด้วยกฎหมาย ไปจนกระทั่งมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งช่วงนี้มีการขอให้ปลูกไว้ในบ้านได้แล้ว แม้กระนั้นจะต้องมีแนวกันเพาะปลูกกัญชาที่แน่ชัด ติดรั้วลวดหนาม มีรั้วคุ้มครองการเข้าถึงจากบุคคลภายนอก สูงโดยประมาณ 1.5-2.0 เมตร รอบๆหน้าประตูปากทางเข้าแปลง ปิดป้ายสีน้ำเงินเจาะจงใจความว่าสถานที่ผลิตสิ่งเสพติดให้โทษ เภสัชกรสัญชัย บอกว่า ช่วงเวลาเดียวกันการปลูกพืชกัญชง ที่มีความไม่เหมือนจากพืชกัญชาเป็นมีสารสำคัญ THC น้อยกว่า 1.0 เปอร์เซ็นต์ มากยิ่งกว่านั้นจะเปลี่ยนเป็นกัญชาโดยทันทีจำต้องใช้ในทางการแพทย์หรือทำการค้นคว้าเพียงแค่นั้น ซึ่งโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนของกัญชงที่ยังเป็นสิ่งเสพติดให้โทษมีเพียงแต่ช่อดอกแล้วก็ใบรองดอกที่ห่างจากช่อดอก 30 ซม. ในเวลาที่ กฎกระทรวงฯ เรื่องกัญชง ฉบับเดิมอนุญาตปลูกโดยเมืองเพียงแค่นั้น ถัดมาตอนวันที่ 29 เดือนมกราคม2564 ที่ออกมาใช้แทนประกาศฉบับเก่า บอกว่าในช่วงเวลานี้การขอปลูกกัญชงสามารถปลูกได้โดยคนทั่วๆไป นิติบุคคล เอกชน หรือวิสาหกิจชุมชน ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถขอสกัดกัญชงได้อีกด้วย ช่วงเวลาเดียวกัน เม็ดกัญชงไม่จัดเป็นสารเสพติดให้โทษ เพราะฉะนั้น คนที่ขอปลูกแล้วสามารถนำเข้าเม็ดได้จาก 3 ที่มาที่ไป มี การนำเข้าเม็ดกัญชง เมล็ดพันธุ์ยืนยัน 4 สายพันธุ์รวมทั้งเมล็ดพันธุ์ท้องถิ่น แม้กระนั้นที่สำคัญเป็นควรจะเป็นสายพันธุ์ที่ให้สาร THC ไม่เกินจำนวนร้อยละ 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง “ตามบทเฉพาะกาลของ พรบ.สารเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 ในระยะ 5 ปีแรก จะไม่อนุญาตนำเข้าทุกส่วนของกัญชง เว้นเสียแต่เม็ดเพื่อการปลูกแค่นั้น ไม่อาจจะนำเข้าเม็ดเพื่อนำมาสกัดทำในเชิงการค้าได้ ดังนี้เพื่อผลดีด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศ คนที่จะใช้ประโยชน์จากกัญชงต้องเป็นสิ่งที่ปลูกใช้ภายในประเทศเพียงแค่นั้นไม่อาจจะนำเข้าส่วนใดของกัญชงละเว้นเม็ดที่จะเอามาปลูก เนื่องจากว่าแม้เปิดให้นำเข้าจากด้านนอกได้เกษตรกรไทยก็จะปลูกไม่ทันเขา ทำให้เสียคุณประโยชน์ด้านเศรษฐกิจไทย” เภสัชกรสัญชัย กล่าว เภสัชกรสัญชัย พูดว่า คนที่ขอปลูกพืชกัญชง ก็สามารถขอผลิตสกัดช่อดอกที่มีสาร CBD ได้ แต่ว่าควรมีสาร THC น้อยกว่า 0.2 เปอร์เซ็นต์ โดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ก็ได้เปิดข้อบังคับสำหรับในการนำสารสกัดจากเม็ดกัญชงมาใช้ในสินค้าเครื่องแต่งหน้า ในต้นแบบ Hemp seed oil หรือใส่ด้านในของกินได้ แต่ว่าถ้าสกัดมาแล้ว มีสาร CBD มากยิ่งกว่า 0.2 ควรจะมีการขอผลิตสารเสพติดแบบสกัดอีก 1 ใบโดยชอบด้วยกฎหมายสารเสพติด แถลงการณ์ในผลสรุปเป็นกัญชง ก็ยังเป็นสารเสพติดให้โทษชนิด 5 อยู่ การปลูกจำต้องได้รับการอนุญาตที่ถูกกฎหมาย
admin_aitode
Share post:
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเวทีแจงยิบ ปลูกกัญชา กัญชง เช่นไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย ย้ำ พร้อมให้คำแนะนำทุกขั้นตอน
ช่วงวันที่ 6 มี.ค. ที่ สนามช้าง ระหว่างชาติ เซอร์กิต จังหวัดจังหวัดบุรีรัมย์ ในงาน “มหกรรมกัญชา กัญชง 360 องศา เพื่อราษฎร” เภสัชกรสัญชัย จันทร์โต กองควบคุมวัตถุเสพติด อย.(สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กล่าวบนเวทีประชุมสัมมนาในประเด็น “การดูแลดูแลรวมทั้งการนำกัญชากัญชงไปใช้ประโยชน์ภายใต้ข้อบังคับใหม่”
เภสัชกรสัญชัย บอกว่า การส่งข้อมูลสำคัญสำหรับเพื่อการขอปลูกพืชกัญชาเป็น การรวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชน กรรมวิธีตระเตรียมสถานที่ แล้วก็การขอปลูกอย่างแม่นยำโดยชอบด้วยกฎหมาย ภายใต้ข้อบังคับพ.ร.บ.สารเสพติดให้โทษ(พรบ.) ฉบับที่ 7 พุทธศักราช2562 ระบุชัดเจนว่าต้องอยู่สำหรับการควบคุมของเมือง โดยหน่วยย่อยที่สุดสำหรับการขอร่วมปลูกได้เป็นวิสาหกิจชุมชน ซึ่งในความหมายเป็น การรวมตัวกันของประชากรมากยิ่งกว่า 7 คนขึ้นไปที่ปลูกพืชจำพวกอื่นๆอยู่แล้วรวมทั้งได้รับใบอนุมัติเป็นวิสาหกิจชุมชน ต่อจากนั้นนำใบอนุมัติไปขึ้นบัญชีปลูกกัญชาเพิ่มกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยด้านกฎหมายวิสาหกิจชุมชนจำต้องปลูกร่วมกับโรงหมอช่วยเหลือสุขภาพตำบล(โรงพยาบาลสต.) โดยมีผู้อำนวยการโรงพยาบาลสต. ร่วมกับประธานวิสาหกิจชุมชนถือเอกสารสิทธิ์คู่กัน
“กำเนิดเป็นความรับผิดชอบด้วยกันของทั้งสองฝ่าย ดังนี้ เพื่อความสบายให้กับสามัญชนการขอสามารถติดต่อถึงที่กะไว้ที่ทำการสาธารณสุขจังหวัด(สสจังหวัด) หรือติดต่อโดยตรงที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อรับคำชี้แนะเสริมเติมได้อย่างมาก อย่างไรก็แล้วแต่ ช่อดอก ใบรองดอกรวมทั้งเม็ดกัญชา ยังเป็นสิ่งเสพติดอยู่ ด้วยเหตุนี้ จะต้องปลูกจากเมล็ดพันธุ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งขอรับเมล็ดพันธุ์ได้จากเขตสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ในจังหวัดของตน” เภสัชกรสัญชัย กล่าว
เภสัชกรสัญชัย บอกว่า การปลูกกัญชา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มิได้บังคับว่าจะปลูกจากเม็ดหรือต้นอ่อน แต่ว่าข้อเสนอแนะเป็น ควรจะปลูกจากต้นเพศภรรยาซึ่งมีช่อดอก ซึ่งอยู่ในสารเสพติดให้โทษ โดยจะต้องนำส่งให้ โรงพยาบาลสต. คู่สัญญาเพื่อผลิตเป็นยาใช้ภายนอกงการหมอ ด้วยเหตุนั้น การปลูกจากเม็ดราวกับเป็นการลุ้นสลากกินแบ่ง ซึ่งไม่รู้จักว่าโตมาแล้วจะเป็นเพศอะไร ด้วยเหตุผลดังกล่าวการปลูกจากต้นกล้าอ่อนจะดีมากยิ่งกว่า ซึ่งกัญชา 1 ต้น จะให้ช่อดอกสดน้อยที่สุดราวๆ 0.5 กก.(กรัมกรัม) คิดเป็นโลแห้ง 0.12 กรัมกรัม ส่วนใบสด กิ่ง ก้าน รวมราว 2 กรัมกรัม โดยเหตุนี้ถ้าปลูก 6 ต้น ก็จะได้ช่อดอกสด 6 กรัมกรัม ช่อดอกแห้ง 0.6 กรัมกรัม ซึ่งในตอนนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ปลดล็อกส่วนของพืชกัญชาทุกส่วน ละเว้นช่อดอก ใบรองดอก รวมทั้งเม็ด ออกมาจากการเป็นสารเสพติดให้โทษแล้ว โดยเหตุนี้ รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนและจำเป็นที่จะต้องไปดูว่าพวกเราจะนำส่วนที่ปลดล็อกไปทำอะไร ส่วนช่อดอกแล้วก็เม็ดกัญชา ที่ยังเป็นสารเสพติดให้โทษ ควรต้องมอบให้กับโรงพยาบาลสต.คู่สัญญา
เภสัชกรสัญชัย บอกว่า ถัดมาเป็นส่วนของการปลูก กัญชา จำเป็นจะต้องกำหนดแบบแปลน พิกัดภูมิศาสตร์ที่กระจ่างแจ้ง เพื่อการวิเคราะห์ของข้าราชการภายใต้อำนาจบังคับโดยชอบด้วยกฎหมาย ไปจนกระทั่งมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งช่วงนี้มีการขอให้ปลูกไว้ในบ้านได้แล้ว แม้กระนั้นจะต้องมีแนวกันเพาะปลูกกัญชาที่แน่ชัด ติดรั้วลวดหนาม มีรั้วคุ้มครองการเข้าถึงจากบุคคลภายนอก สูงโดยประมาณ 1.5-2.0 เมตร รอบๆหน้าประตูปากทางเข้าแปลง ปิดป้ายสีน้ำเงินเจาะจงใจความว่าสถานที่ผลิตสิ่งเสพติดให้โทษ
เภสัชกรสัญชัย บอกว่า ช่วงเวลาเดียวกันการปลูกพืชกัญชง ที่มีความไม่เหมือนจากพืชกัญชาเป็นมีสารสำคัญ THC น้อยกว่า 1.0 เปอร์เซ็นต์ มากยิ่งกว่านั้นจะเปลี่ยนเป็นกัญชาโดยทันทีจำต้องใช้ในทางการแพทย์หรือทำการค้นคว้าเพียงแค่นั้น ซึ่งโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนของกัญชงที่ยังเป็นสิ่งเสพติดให้โทษมีเพียงแต่ช่อดอกแล้วก็ใบรองดอกที่ห่างจากช่อดอก 30 ซม. ในเวลาที่ กฎกระทรวงฯ เรื่องกัญชง ฉบับเดิมอนุญาตปลูกโดยเมืองเพียงแค่นั้น ถัดมาตอนวันที่ 29 เดือนมกราคม2564 ที่ออกมาใช้แทนประกาศฉบับเก่า บอกว่าในช่วงเวลานี้การขอปลูกกัญชงสามารถปลูกได้โดยคนทั่วๆไป นิติบุคคล เอกชน หรือวิสาหกิจชุมชน ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถขอสกัดกัญชงได้อีกด้วย ช่วงเวลาเดียวกัน เม็ดกัญชงไม่จัดเป็นสารเสพติดให้โทษ เพราะฉะนั้น คนที่ขอปลูกแล้วสามารถนำเข้าเม็ดได้จาก 3 ที่มาที่ไป มี การนำเข้าเม็ดกัญชง เมล็ดพันธุ์ยืนยัน 4 สายพันธุ์รวมทั้งเมล็ดพันธุ์ท้องถิ่น แม้กระนั้นที่สำคัญเป็นควรจะเป็นสายพันธุ์ที่ให้สาร THC ไม่เกินจำนวนร้อยละ 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง
“ตามบทเฉพาะกาลของ พรบ.สารเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 ในระยะ 5 ปีแรก จะไม่อนุญาตนำเข้าทุกส่วนของกัญชง เว้นเสียแต่เม็ดเพื่อการปลูกแค่นั้น ไม่อาจจะนำเข้าเม็ดเพื่อนำมาสกัดทำในเชิงการค้าได้ ดังนี้เพื่อผลดีด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศ คนที่จะใช้ประโยชน์จากกัญชงต้องเป็นสิ่งที่ปลูกใช้ภายในประเทศเพียงแค่นั้นไม่อาจจะนำเข้าส่วนใดของกัญชงละเว้นเม็ดที่จะเอามาปลูก เนื่องจากว่าแม้เปิดให้นำเข้าจากด้านนอกได้เกษตรกรไทยก็จะปลูกไม่ทันเขา ทำให้เสียคุณประโยชน์ด้านเศรษฐกิจไทย” เภสัชกรสัญชัย กล่าว
เภสัชกรสัญชัย พูดว่า คนที่ขอปลูกพืชกัญชง ก็สามารถขอผลิตสกัดช่อดอกที่มีสาร CBD ได้ แต่ว่าควรมีสาร THC น้อยกว่า 0.2 เปอร์เซ็นต์ โดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ก็ได้เปิดข้อบังคับสำหรับในการนำสารสกัดจากเม็ดกัญชงมาใช้ในสินค้าเครื่องแต่งหน้า ในต้นแบบ Hemp seed oil หรือใส่ด้านในของกินได้ แต่ว่าถ้าสกัดมาแล้ว มีสาร CBD มากยิ่งกว่า 0.2 ควรจะมีการขอผลิตสารเสพติดแบบสกัดอีก 1 ใบโดยชอบด้วยกฎหมายสารเสพติด แถลงการณ์ในผลสรุปเป็นกัญชง ก็ยังเป็นสารเสพติดให้โทษชนิด 5 อยู่ การปลูกจำต้องได้รับการอนุญาตที่ถูกกฎหมาย